วันที่: 03-10-2018
มะเร็งปากมดลูก
สาเหตุสำคัญของการเกิด โรคมะเร็งปากมดลูก (Cancer of Cervix)
จากการศึกษาพบว่า สาเหตุหลักของการเกิด โรคมะเร็งปากมดลูก มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไว
ชนิดหนึ่ง ชื่อ ฮิวแมนแพปพิลโลมา (Human Papilloma Virus – HPV ) ที่บริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะที่
บริเวณปากมดลูก (รวมทั้งอวัยวะเพศภายนอก) พบว่า 99.7% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูก จะตรวจพบ
เชื้อชนิดนี้ด้วย โดย เชื้อ HPV นี้ แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง (High risk HPV) มี 13 ชนิด คือ 16, 18, 31, 33, 35, 39, 45, 51, 52, 56, 58,
59, 68
2. กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ (Low risk HPV) ได้แก่ 2, 3, 6, 11, 42, 43, 44
ปัจจุบันพบว่า การติดเชื้อ HPV ของประชากรทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 630 ล้านคน โดยการติดเชื้อ HPV
จะพบบ่อยที่สุดในผู้หญิงวั
ว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกส่
กระทั่งป่วยเป็นโรคนี้ซึ่งใช้
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่
ปัจจัยเสี่ยงทางฝ่ายหญิง ได้แก่
• การมีคู่นอนหลายคน ความเสี่ยงสูงขึ้นตามจำนวนคู่
• การมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย
• การสูบบุหรี่
• มีประวัติการเป็นโรคติดต่
• การให้กำเนิดลูกหลายคน
• การกินยาคุมกำเนิด
• การมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ
• พันธุกรรม
• การขาดสารอาหารบางชนิด
ปัจจัยเสี่ยงทางฝ่ายชาย
เนื่องจากการติดเชื้อเอชพีวี (HPV) ส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพั
เป็นมะเร็งที่เกี่ยวข้องกั
ไม่มีอาการหรือตรวจไม่พบเชื้อ) แม้เพียงครั้งเดียวก็มีโอกาสติ
เสี่ยงจากฝ่ายชาย ที่อาจทำให้ผู้หญิงเป็น มะเร็งปากมดลูก ได้แก่
• ฝ่ายชายเป็นมะเร็งองคชาติ
• ฝ่ายชายเคยมีภรรยาเป็นมะเร็
• ฝ่ายชายเคยเป็นโรคติดต่
• ฝ่ายชายผ่านประสบการณ์ทางเพศตั้
โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็
ดับต้นๆ การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกจะได้
ภายใน มักจะรักษาโดยการผ่าตัด หรือการให้รังสีรักษา แต่หากพบโรคในระยะท้ายของโรคก็
ป่วยเสียชีวิตได้ ดังนั้นการป้องกันโรคมะเร็งปากม
โรคมะเร็งปากมดลูก สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซี
ไวรัส ชื่อ เอชพีวี (Human Papillomavirus) และมีระยะเวลาฟักตัวประมาณ 10 ปี ในปัจจุบันนี้ เราได้คิดค้น
วัคซีนสำหรับป้องกันการติดเชื้
มดลูกได้ด้วยเช่นกัน
วัคซีนป้องกัน มะเร็งปากมดลูก นี้ เรียกว่า เอชพีวี วัคซีน (HPV vaccine) เป็นวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์
(6, 11, 16, 18) ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็
สายพันธุ์สำคัญ องค์การอนามัยโลกให้การรับรองวั
สายพันธุ์หลักเหลานี้ได้ 100% ถ้าหากได้รับวัคซีนดังกล่าวก่
เป็นสาเหตุให้เกิดโรคหงอนไก่ที่
มีคำแนะนำจากองค์การอาหารและยาข
ฉีดเมื่ออายุ 9 ปีก็ได้ เนื่องจากเด็กในช่วงอายุดังกล่
มารถสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็
นอกจากนั้นยังแนะนำว่าว่าผู้ที่
ทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ฉีดสามเข็
ร่างกายสร้างภูมิได้เต็มที่เพื่
ครั้งที่1ให้ฉีดตามที่กำหนด
ครั้งที่สองห่างจากครั้งแรก 1-2 เดือน
ครั้งที่ 3 ห่างจากเข็มแรกประมาณ 6 เดือน
สำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 26 ปี หรือมีเพศสัมพันธุ์แล้ว การได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็
เชื้อHPV type 6, 11, 16 และ 18 หากท่านยังไม่ได้รับเชื้อดังกล่
แต่สำหรับท่านที่ชอบเปลี่ยนคู่
แม้ได้รับวัคซีนแล้วก็ควรตรวจภา
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก
1. มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุต่ำกว่
2 การติดเชื้อ HPV หรือการเป็นหูดที่อวัยวะเพศ เป็
3. สตรีที่เคยเป็นโรคติดเชื้อจากกา
4. สตรีที่เคยเป็นโรคติดเชื้อไวรั
5. ผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ หรือบกพร่อง เช่น ผู้ที่รับยาหลังการเปลี่ยนอวั
โอกาสติดเชื้อ HPV ได้ง่ายจึงมีโอกาสเป็นมะเร็
6. การติดเชื้อ Chlamydia พบว่าผู้ที่ติดเชื้อ Chlamydia ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพั
มะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น
7. สตรีที่ติดบุหรี่ หรือผู้ใกล้ชิดเป็นผู้ติดบุหรี่ เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลู
8. ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย สามีหรือคู่นอนสำส่อนทางเพศ
9. การขาดสารอาหารบางชนิด ผู้หญิงที่รับประทานผักและผลไม้
ประทานผักและผลไม้
10. ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิ
11. การมีบุตรหลายคนเชื่อว่าจะทำให้
ฮอร์โมนทำให้ติดเชื้อ HPV ง่าย และขาดการป้องกันการติดเชื้อ
12. ผู้ที่มีฐานะการเงินต่ำ เนื่องจากเข้าถึงบริการไม่ทั่
13. ผู้ที่ได้ยา Diethylstilbestrol (DES) เพื่อป้องกันแท้ง
14. พันธุกรรม
เมื่อพบภาวะผิดปกติดังต่อไปนี้ ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพท
ร้อยละ 80 – 90 ของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก
1. มีตกขาวออกมาผิดปกติ อาจมีเลือดปนและมักมีกลิ่นเหม็น
2. มีประจำเดือนไม่ปกติ กะปริบกะปรอย หรือบางครั้งออกมาก
3. มีเลือดออกผิดปกติ เช่นเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพั
ออกเป็นระยะ ประจำเดือนมานานผิดปกติ เลือดออกหลังจากตรวจภายใน
4. อ่อนเพลีย ตัวซีด เบื่ออาการ น้ำหนักลด
5. มีการบวม ปัสสาวะไม่ออก หรือไหลไม่หยุด
6. ปวดท้องน้อย หรือมีอาการผิดปกติของอวัยวะอื่
7. มีอาการเจ็บขณะร่วมเพศ
อาการมะเร็งปากมดลูก
อาการตกเลือดทางช่องคลอด ลักษณะเลือดที่ออกอาจจะเป็นเลื
รอบเดือน มีตกขาวผิดปกติ กลิ่นเหม็น มีเลือดปน หรือมีเลือดออกเวลามีเพศสัมพั
และมะเร็งลุกลามออกไปด้านข้าง หรือลุกลามไปที่อุ้งเชิ
เพราะไปกดทับเส้นประสาท
อาการในระยะหลังเมื่อมะเร็งลุ
ก้นกบ ปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เป็นต้น
มะเร็งปากมดลูกแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 0 – เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งยังไม่
ใช้เวลาประมาณ 15 นาที และตรวจร่างกายติดตามอาการต่อไป การรักษาในระยะนี้ได้ผลเกือบ 100%
ระยะที่ 1 – เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งอยู่ที่
ใหญ่ เป็นการผ่าตัดมดลูก เลาะต่อมน้ำเหลืองในเชิงกราน ผลการรักษาได้ผลดีถึง 80%
ระยะที่ 2 – เซลล์มะเร็งกระจายออกจากปากมดลู
แล้ว การรักษา มะเร็งปากมดลูกในระยะที่ 2 นี้ ต้องทำการรักษาด้วยการฉายรังสี
และการให้เคมีบำบัด (คีโม)
ระยะที่ 3 – ระยะที่เซลล์มะเร็งกระจายชิดเชิ
บำบัดเช่นเดียวกันระยะที่ 2 แต่การรักษาระยะนี้จะได้ผลเพี
ระยะที่ 4 – เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งกระจายทั่
เป็นการให้คีโม และรักษาตามอาการเท่านั้น โดยหวังผลได้เพียงประมาณ 5-10% และมีโอกาสรอดน้อยมาก
แต่ก็ไม่แน่มีผู้ป่วยมะเร็
การตรวจหามะเร็งปากมดลูกทำได้
มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่
มดลูก เรียกว่า การตรวจแป็ปสเมียร์ เป็นการตรวจภายในแล้วใช้ไม้
เซลล์ไปตรวจหาความผิดปกติ
ประมาณ 5 นาที โดยไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ ขณะตรวจเลย
การวินิจฉัย มะเร็งปากมดลูก ปัจจุบันมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือ การใช้กล้องส่องตรวจปากมดลูก ที่เรียก
ว่า กล้องคอลโปสโคป เป็นกล้องขยายดูปากมดลูกในรายที่
โดยการทำแป๊ปสเมียร์ผิดปกติ
สตรีที่มีเพศสัมพันธ์แล้วทุ
ภายในหา มะเร็งปากมดลูกด้วยการตรวจ แป็ปสเมียร์ ปีละ 1 ครั้ง อย่างสม่ำเสมอ ที่โรงพยาบาลหรือสถาน
พยาบาลใกล้บ้านนะค่ะ การตรวจภายในไม่ใช่เรื่องน่
ในร่างกายเราและป้องกันการเกิ
การเตรียมตัวในการตรวจภายใน
- ไม่ควรจะเป็นวันที่มีประจำเดือน และควรตรวจหลังประจำเดือนหมดไปแ
- งดเพศสัมพันธ์และงดการสวนล้างช่
การป้องกัน มะเร็งปากมดลูก นอกจากการตรวจหา มะเร็งปากมดลูก แล้ว เรายังสามารถป้องกันการเกิด
มะเร็งปากมดลูก ได้ด้วยการ ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้
- งดสูบบุหรี่
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดูแลรักษาความสะอาดของร่
- ทำจิตใจให้เบิกบาน แจ่มใส
- ไม่สำส่อน หรือมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่
4 การรักษาโรค มะเร็งปากมดลูก
เซลล์บุผิวของปากมดลูกที่ผิดปกติ
เปลี่ยนเป็นมะเร็งภายหลัง เราเรียกว่า precancerous บางครั้งแพทย์อาจจะใช้คำ squamous
intraepithelial lesion [SIL] ซึ่งพบได้ 2 แบบ
- Low-grade SIL หมายถึง การเปลี่ยนแปลงเริ่มแรกของ รูปร่าง ขนาด และจำนวน บางครั้งอาจหายไปเอง
แต่ก็มีจำนวนหนึ่งเปลี่ยนไปเป็น High-grade SIL บางครั้งเรียก mild dysplasia
- High-grade SIL หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุ
เฉพาะปาดมดลูกเรียก moderate or severe dysplasia
การรักษา precancerous
การรักษาขึ้นกับปัจจั
บุตรพอหรือยัง สุขภาพผู้ป่วย ความต้องการของผู้ป่วยและแพทย์ โดยทั่วไป low-grade-SIL ไม่จำเป็นต้อง
รักษาโดยเฉพาะรายที่ได้รับการตั
รักษาแพทย์อาจเลือกวิธีรักษาได้
หรือใช้เลเซอร์ (laser)
การรักษามะเร็งปากมดลูก
หลังจากทราบว่าเป็นโรคมะเร็
แพทย์จะตรวจด้วย
1. การเจาะเลือด ตรวจเลือดทั่วไป การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดลือด (CBC : Complete Blood Count)
เพื่อดูว่าซีดหรือไม่ เกร็ดเลือดปกติหรือไม่ ตรวจการทำงานของไต (BUN, creatinin) เนื่องจากเซลล์มะเร็ง
ปากมดลูก อาจลุกลามไปยังทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้เกิดอาการไดตวาย ตรวจค่าการทำงานของตับ (Liver
function test, LFT)
2. แพทย์ทำการตรวจทางเดินปัสสาวะ
ใช้อุปกรณ์กล้องส่องเข้าไปตรวจ
แพทย์จะตรวจลำไส้ใหญ่
รังสีวิทยาเพื่อหาความผิดปกติ
3. แพทย์จะฉีดสีเพื่อตรวจไต (
หรือไม่?
4. ตรวจด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (X-ray Computerized Tomography) / ซีทีสแกน (CT-scan) / MRI
/ ล่าสุดและทันสมัย คือตรวจด้วย PET/CT Scan เป็นการตรวจดูความผิดปกติ
ตลอดจนเป็นเครื่องมือที่
ก่อนรับการรักษาโรค ผู้ป่วยควรได้รับข้อมูลพื้นฐานเ
-มะเร็งที่เป็นอยู่นี้ อยู่ในระยะไหน แพร่กระจายไปยังอวัยวะใดบ้าง?
-วิธีการรักษาที่ดีที่สุด แพทย์เลือกวิธีไหน เพราะเหตุใดจึงเลือกวิธีนี้?
-โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในกา
-มีผลข้างเคียงระหว่างการรักษา และคุณภาพชีวิตอย่างไรหลังจากรั
-เวลาในการรักษา ยาวนานเท่าใด?
-มีความใช้จ่ายในการรักษาประมาณ
-ถ้าไม่รักษาจะเป็นเช่นใด?
-ต้องมาทำการตรวจ และติดตามอาการโรค นานแค่ไหน?
วิธีการรักษามะเร็งปากมดลูก
1. การผ่าตัด ถ้ามะเร็งเป็นอยู่
ออก แต่ถ้าโรคมะเร็ง มีการลุกลามไปมาก อาจจะตัดมดลูก ท่อรังไข่ รังไข่ รวมทั้งต่อมน้ำเหลืองใกล้เคี
ไปด้วย
2. การฉายรังสีรักษา ทำได้ 2 วิธี คือ
2.1 โดยการฉายรังสีด้วยเครื่องฉายรั
6สัปดาห์ เพื่อเป็นการฆ่าเซลล์มะเร็ง แต่เทคโนโลยีใหม่ๆ จะมีการฉายรังสีแบบ 3 มิติ ซึ่งมีความปลอดภัยสูง
มาก และไม่ค่อยสูงผลต่ออวัยวะข้
2.2 โดย การฝังแร่กัมมันตรังสี (
การรักษาโรคมะเร็ง โดยการใส่ต้นกำเนิดของรังสี
สามารถรักษาได้อย่างตรงจุด และลดความเสียหายของเนื้อเยื่
ฝังแร่แบบชั่วคราว และแบบถาวร ขึ้นอยู่กับระยะของ โรคมะเร็ง
(ซึ่งทั้งสองแบบ ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านทันที หรื
3. การใช้ยาเคมีบำบัด ซึ่
ในอวัยวะอื่น ซึ่งจะมีผลข้างเคียง คือ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง เบื่ออาหาร เลือดจาง เกร็ดเลือดต่ำ
เหนื่อยง่าย ติดเชื้อแทรกซ้อนง่าย ยาเคมี
มะเร็งแต่ละชนิด แต่ละสายพันธุ์ ฉะนั้นควรปรึกษาแพทยือย่างถี่ถ้
4. การสร้างเสริม ภูมิคุ้มกัน ผลข้างเคียงน้อย ในบางรายอาจมีอาการคล้ายเป็นไข้
น้อย เวียนหัวเล็กน้อย เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยพบอาการ หรือจะเป็นเพียงช่วงแรก ระยะเวลาสั้นๆ
เท่านั้น
หวังว่า ข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยทุกท่านในการป้องกัน และดูแลสุขภาพ ให้แข็งแรง และหายขาดจากโรคมะเร็ง
ปากมดลูก และมีคุณภาพชีวิตที่ดีดั่งเดิม
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่
|
|
|